ยุคสมัยของการแข่งขันและสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกับเดลิเวอรี่ถึงบ้าน

ธุรกิจที่กำลังมาแรงในยุคดิจิตอลนี้ถ้าไม่พูดถึงการส่งบ้านถึงบ้านคงไม่ได้เลยธุรกิจทำให้หลายคนรวยร้อยล้านบาทมาแล้วหลายคน ทำไมต้องส่งอาหารและรับซื้อของด้วยคำตอบง่ายๆลองถามตัวเองว่าจริงไหมขี้เกลียดออกไปไหนแล้วเหนื่อยร้อนรถติดแค่นี้ก็ทำให้ธุรกิจนี้เกิดขึ้นได้อยากสบายมีกรณีศึกษามาให้ดู 2 เคสลองหาข้อมูลในกูเกิ้ลเพิ่มได้

1 เจคิว ปูม้านึ่งของพี่โอ๋ คนนี้ผมยกให้เป็นไอดอลเลยไม่ต้องมีคอบเซ็บอะไรมากมาย อาหารสด บริการเป็นกันเองแค่นี้ก็ชนะใจหลายๆคนได้แล้ว

เจคิว ปูม้านึ่งของพี่โอ๋ 

เจคิว ปูม้านึ่งของพี่โอ๋ 

เจคิว ปูม้านึ่งของพี่โอ๋ 

2 กังนัมแซ่บ เดลิเวอรี่ ในมาดพนักงานส่งอาหาร ยิ้มอย่างพึงพอใจ คนนี้ก็ใช่ย่อยเท่าใจถึงปัญหาในการกินอาหารของคนกรุงเทพเลยทำให้เกิดไอเดียรับซื้อของและอาหารส่งถึงบ้านสุดยอดพ่อบ้านแห่งกังนัมแซ่บ เดลิเวอรี่

กังนัมแซ่บ เดลิเวอรี่

 ที่มาภาพ เจคิว ปูม้านึ่ง และ http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/361916/%E0%B8%9F%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99

ขอทานเด็กเยอะขึ้นมากเปลี่ยนเป็นให้เด็กขายของกันดีกว่า

ทุกวันนี้สังคมไทยเริ่มแย่ลงทุกวันจนไปถึงเด็กเล็กๆแล้วพ่อแม่ที่ยากจนมากก็ให้ลูกมาขอทานเป็นการสอนที่ผิดไปตลอดชีวิตเพราะเด็กได้เงินมาง่ายๆไม่ต้องทำอะไรโตขึ้นความคิดแบบนี้ก็ทำให้เด็กไม่ทำงาน "เปลี่ยนจากขอทานเป็นพ่อค้าแม่ค้าซะ" ลดปัญหาสังคมตั้งแต่วันนี้คำถามต่อว่าก็ต้องบอกว่าจะขายอะไรผมบอกง่ายๆเลยนะครับส่วนใหญ่ช่วงเวลาที่ขายกับสถานที่คือร้านอาหารและช่วงเย็นถึงมืด กลุ่มลูกค้าแนวนี้ใช้เงินง่ายขายกระดาษ ขายขนม ขายผลไม้ มีตัวอย่างที่นครปฐมขายมะขามหวานจนรวย ได้ฟังไม่ผิดครับรวยจริงๆ ลูกสาว 3 คนขายกันตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบพ่อแม่สอนมาดีพูดจาเพราะไม่งี่เง่าลูกค้ากล้าแสดงออกลูกค้าให้เต้นร้องเพลงแสดงได้หมดในหนึ่งผมว่าขายได้ไม่ต่ำกว่า 1000-2000 บาทเดือนละ 30000 บาทเห็นตั้งแต่ 6-7 ปีที่แล้วตอนนี้มีบ้าน รถ เป็นของตัวเอง ตัวอย่างดีๆที่อยากให้คิด หยุดให้เงินขอทานง่ายๆแล้วช่วยซื้อของคนยากจนที่เดินขายแพงหน่อยดีกว่า

ขายของเล่นเด็กพัฒนาการสมองโดยพรีเซ็นเตอร์ลูกเราเอง

ซื้อของเล่นเพื่อพัฒนาการของลูกเราแล้วทำรีวิวสินค้าว่าสามารถใช้งานได้จริงขนาดลูกของเรายังใช้และพัฒนาการได้ดีขึ้นก็ทำให้ลูกเราพัฒนาขึ้นแถมสามารถขายได้อีกด้วยอีก 1 ธุรกิจของคนมีลูก

เปิดตลาดพระเครื่องไทย ไปไกลถึงต่างแดน

ธุรกิจพระเครื่องเป็นอีกธุรกิจที่มีตลาดการซื้อขายมากกว่า 20000 ล้านแน่นอน(ตัวเลขนี้ผมเดาเอาแต่มีเหตุผลนะครับ สมมุติพระในประเทศไทยมี 1ล้านองค์พอซึ่งมากกว่าล้านอยู่แล้วนะ พระองค์ละ 1000 บาทมูลค่าตลาดพระซื้อขายก็ 1000ล้านบาทแล้วแต่พระ 1ล้านองค์นี้ใน 1 ปีเปลี่ยนมือนับครั้งไม่ถ้วนเอาแค่ 20 ครั้งก็ 20000ล้านพอดีทั้งหมดนี้ยังไม่รวมไปถึงพระหลักหมื่น หลักแสน หลักล้านเลยนะครับ ยิ่งคิดถึงพระใหม่ที่ออกมาอยู่ตลอดเวลา) คำถามน่าสนใจมูลค่าพระหลายๆหมื่นล้านแล้วพระอยู่ที่ไหนหมด จึงเป็นส่วนที่ทำไหมถึงต้องเปิดตลาดพระออนไลน์ทำให้เปิดกว้างสำหรับผู้ต้องการซื้อขายเช่าพระเครื่องได้ง่ายขึ้น ธุรกิจพระเครื่องก็ยังเป็นเรื่องการค้าบนพื้นฐานที่ว่าคนไทยเชื่อและงมงายมากที่อยู่ในโลก

คำต้องห้ามแต่คิดอยู่ตลอดเวลา

ในวันๆนึงคนหลายๆคนพูดคำว่า "ถ้าหาก" จำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ผมก็ไม่เคยสังเกตแต่พอมาวันนี้ไม่ฟังและได้คิดนับจำนวนได้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งจากที่คุยกับคนไม่ถึง 10 ด้วยซ้ำไป 555 แค่ตัวเราคิดเองก็ 10 ครั้งแล้ว
1 ถ้าหากเราทำตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วก็รวยไปล่ะ
2 ถ้าหากเราเปิดร้านก็ขายได้ล่ะ
3 ถ้าหากเรามีร้านเหมือนเขาเราก็ทำได้
4 ถ้าหากที่บ้านเรามีเงินเราก็ไม่ต้องจน
5 ถ้าหากเราขยันกว่านี้เราก็จะมีเงินเยอะๆ
6 ถ้าหากเรามีเวลามากกว่า 24 ชมคงทำอะไรได้เยอะกว่านี้
7 ถ้าหากเขาไม่ช่วยเราเราก็คงแย่แน่เลย
8 ถ้าหากเราได้ไปเรียนต่างประเทศหรือโรงเรียนดีๆก็จะได้งานดีๆไปแล้ว
9 ถ้าหากลงทุนทำเหมือนกันเขาเราก็คงรวยเหมือนเขาแล้ว
10 ถ้าหากเราไม่ออกจากบ้านวันนี้ก็คงไม่ต้องซวย

ยังมี " ถ้าหาก " อีกมากมายคำนี้ก็เหมือนกับอดีตที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แต่คำนี้แทบจะทุกคนต้องพูดถึงมัน

ขนมออนไลน์กับความอร่อยที่แตกต่าง

ถ้าใครเคยซื้อขนมผ่านเว็บไซค์ต่างๆจะรู้เลยว่าเหมือนวัดดวงดูจะรีวิวลูกค้าเขาบ้างดูจากหน้าตาขนมบ้างบางครั้งก็ทำให้เราอยากลองกินขึ้นมาจนต้องสั่งซื้อมากินดูอร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างแต่ก็ฟิวริ่งไปอีกอย่าง
ธุรกิจขายขนมออนไลน์ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ใครทำสวยใครทำอร่อยรับรองขายดีแน่ๆแต่อย่าลืมสิ่งสำคัญการตลาดต้องมี
ปล.มีขนมอร่อย มีขนมสวยแต่คนไม่รู้ก็ขายไม่ได้นะครับ
ร้านแนะนำ https://m.facebook.com/lahunteshop

ทำธุรกิจอะไรดีตอนที่ 2 หาแฟรนไชค์ร้านก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวแกงไปหาเช่าหน้าเซเว่น

เหตุเกิดเมือวันที่ 16 กพ 2558 มีน้องคนนึงเข้ามาสอบถามว่าพี่ครับผมจะทำยังไงดีเงินไม่พอใช้ ผมเลย
ถามไปว่าแล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะ สรุปได้ว่าขายเต้าหู้ทอดกับแม่ขายได้วันละ 1000-1500 บาท กำไรวันละ 500-700 บาทหาร 2กับแม่เหลือคนละ 250-350 เดือนละ 7500-10500 บาทแต่ไม่พอใช้จ่าย ผมเลยถามอีกคำถามไปว่าแล้วถ้าคุณแม่ขายคนเดียวได้ไหม สรุปบอกว่าได้แล้วทำไมถึงไม่ไปทำอย่างอื่นแม่จะได้มีเงินเดือน 15000-21000 บาทแล้วน้องก็มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย คำตอบที่ได้กลับมาคือไม่รู้จะไปทำอะไรดี ผมถามว่าคุณไม่รู้จะทำอะไรหรือว่าขี้เกียจไปทำมันเป็นเส้นบางๆกันนะครับ น้องก็ไปขายก๋วยเตี๋ยวหรือขายข้าวแกงข้างหมูแดงเพิ่มสิงานลำบากนิดแต่ได้เงินเดือนละ 10000-30000 บาทแน่ๆ พี่มันจะได้จริงหรือ ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับน้องก็ทนลำบากหน่อยหาแฟรนไชค์ร้านก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวแกงไปหาเช่าหน้าเซเว่น เดือนละ 4000-5000 บาทยังมีทำเลอีกตั้งหลายที่ไม่ต้องจ้างลูกน้องทำงานคนเดียวไปก่อน วันนึงขายได้ 50-100 ชามพอก็ได้เงิน 1500-4000 บาทคิดแบบบ้านๆเลยนะขายได้วันละ 50 ชามได้เงิน 1500 บาทน้ำวันละ 100 บาทเป็น 1600 บาทกำไร 40% = 640 บาท 1 เดือนกำไร 19200 บาทหักค่าเช่าค่าไฟ 5500 บาทเหลือเดือนละ 13700 บาทเห็นไหมละกำไรเดือนละ 13700 บาทเป็นขั้นต่ำเลยนะ ขายวันละ 50 ชามเองขอแค่สองอย่างพอในการทำงานร้านขอให้สะอาดตลอดเวลากับหน้าตาที่เป็นมิตรคุยกับลูกค้าให้เหมือนกับคนมากินกันบ่อยๆจำให้ได้ว่าลูกค้าคนนี้ชอบอะไรอยากจะถามเขาว่าพี่วันนี้เอาเหมือนเดิมไหม ลูกค้าเกือบร้อยเปอร์เซนเจอแบบนี้บ่อยจะต่อติดใจในบริการแน่นอนครับ ธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยวมันเหนื่อยที่ต้องจ่ายตลาดล้างอุปกรณ์ถ้าทนเหนื่อยได้ผมว่าเป็นอีก 1 ธุรกิจที่ยังสามารถทำกำไรเดือนละ 10000-30000 บาทได้สบายโดยไม่ต้องจ้างใคร ลองคิดวิเคราะห์ดูนะครับ

ปล.การลงทุนมีความเสี่ยงแต่กับของกินขายหน้าเซเว่นไม่มีเสี่ยงแน่นอน 555